สวัสดีค่ะ วันนี้พิกุลมารีวิวสกินแคร์ดีๆ ที่อยากให้ทุกคนได้ลองใช้กันค่ะ พูดจากใจเลยว่าส่วนตัวพิกุลไม่ค่อยสันทัดแบรนด์สกินแคร์ที่มีราคาสูงมากนัก แต่ด้วยความที่เป็นแฟนคลับของเว็บไซต์ konvy.com เลยทำให้พิกุลมีโอกาสได้ส่องหาไอเท็มใหม่ๆอยู่เรื่อย

วันนี้พิกุลจะมารีวิว 2 ไอเท็มจากแบรนด์ Ella Bache’ นะคะ คือ Ella Bache’ Tomato Radiance Toner และ Ella Bache’ The Original Tomato Cream

ดูจากรูปที่พิกุลถ่ายมาเพื่อนๆ พอจะเดากันออกไหมคะ ว่าสารสกัดหลักๆ ของครีมนี้คืออะไร…. ไม่ต้องเดากันให้เสียเวลาเนอะ เพราะชื่อของสกินแคร์ทั้งสองก็บอกตรงตัวอยู่แล้ว… มีคำว่า Tomato ทั้งสองตัวเลย สารสกัดหลักที่ผสมอยู่ในสกินแคร์ทั้งสองตัวคือมะเขือเทศค่ะ โดยแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่นำเข้าจากฝรั่งเศส มะเขือเทศที่ใช้จึงเป็นมะเขือเทศจากอิตาลีที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถปกป้องผิวจากมลภาวะ ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย สกินแคร์ของ Ella Bache’ จะมีส่วนผสมของกรดผลไม้เพื่อช่วยในเรื่องการปรับผิวให้กระจ่างใสด้วยค่ะ
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นสกินแคร์ Ella Bache’ พิกุลรู้สึกว่าใช้แล้วน่าจะไม่แพ้แน่ๆ อาจจะเป็นเพราะความน่าเชื่อถือของแบรนด์และแพ๊กเกจจิ้งภายนอกที่ดูได้มาตรฐาน สกินแคร์ตัวเก่าที่พิกุลใช้อยู่จะเป็นแบรนด์ไทยค่ะ ถ้าเปรียบเทียบกันพิกุลรู้สึกว่ากลิ่นของ Ella Bache’ ดีกว่ามากๆ เวลาทาลงบนผิวหน้าเนื้อครีมของ Ella Bache’ ก็เกลี่ยง่ายมากกว่า นอกจากนี้ยังรู้สึกว่า Ella Bache’ ยังช่วยเรื่องผิวชุ่มชื้นได้ดีกว่าตัวเก่า ต่างกันตรงที่ตัวเก่าจะใช้ค่อนข้างง่ายเพราะแพ๊กเกจจิ้งเป็นแบบหัวปั๊ม แต่ของ Ella Bache’ เป็นแบบกระปุก ที่จริงกระปุกก็ไม่ได้ใช้ยากอะไรนะคะ แค่พิกุลรู้สึกว่าพิกุลยังไม่ค่อยชินเท่านั้นเอง : )

Ella Bache’ The Original Tomato Cream ช่วยเรื่องอะไรบ้างนะ ?
พิกุลขอเรียกง่ายๆ ว่า Ella Bache’ เป็นครีมมะเขือเทศเนอะ อย่างที่เรารู้ๆกันว่า มะเขือเทศมีสรรพคุณในเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทางแบรนด์ Ella Bache’ เคลมไว้ว่า Ella Bache’ สามาถช่วงเรื่องการชะลอริ้วรอยก่อนวัยได้ด้วย สิ่งที่พิกุลรู้สึกได้ด้วยตัวเองจากการลองใช้ครีม Ella Bache’ มีอยู่สองอย่างด้วยกันคือ เรื่องความชุ่มชื้น ปกติแล้วพิกุลจะเป็นคนที่ผิวค่อนข้างแห้งค่ะ หลายๆครั้งคือเครียดมากๆ เพราะเวลาผิวแห้ง เราจะมีริ้วรอยเล็กๆ ขึ้นที่ผิว โดยเฉพาะแถวๆ หน้าผาก เรียกว่าขาดความมั่นใจกันไปเลย พอใช้ครีม Ella Bache’ พวกริ้วรอยเล็กๆ ก็ค่อยๆ หายไป ตอนนี้ยังหายไม่หมดนะ แต่เราก็รู้สึกว่ามันดีขึ้นจริงๆ อีกอย่างที่รู้สึกได้ชัดเจนเลยคือเรื่องผิวที่ดูใสขึ้น เมื่อวานคุณแม่ทักว่าไปทำอะไรมาทำไมหน้าขาวขึ้น เรานี่ตกใจเลย ของเขาได้ผลจริงๆ แฮะ5555

ด้านในกระปุกฝาสีดำเนื้อครีมสีชมพูดูน่ารัก น่าใช้มากๆ เลยค่ะ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อมา พิกุลก็มีหาข้อมูลบ้าง คือหาจนมั่นใจแล้วว่าสกินแคร์ของ Ella Bache’ น่าจะเหมาะกับผิวของพิกุลแหละ คือนอกจากที่พิกุลบอกไปว่าตัวเองเป็นคนผิวแห้งแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอด้วยค่ะ ที่จริงเรื่องนี้อาจจะดูไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับหลายๆคนเนอะ ถ้าสีผิวไม่สม่ำเสมอก็รองพื้นโบกไปเลย หลังๆมานี่ยอมรับว่าพิกุลขี้เกียจแต่งหน้าแบบหนาๆ ค่ะ เลยหันมาบำรุงผิวให้ดี ทั้งเพิ่มไลน์สกินแคร์ มาส์กหน้าเป็นประจำ เรียกได้ว่าให้เวลากับการดูแลผิวมากกว่าแต่งหน้า เวลาล้างหน้าแล้ว เราจะได้สวยเนอะ 555

ส่วนประกอบหลักของ Ella Bache’ The Original Tomato Cream 50 ml.จะมี 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่
- สารสกัดจากมะเขือเทศออร์แกนิคที่มีกลีเซอรีน มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว มีแร่ธาตุและโพลิฟีนอล อย่างที่เรารู้ๆ กันเนอะ ว่ามะเขือเทศนี้มีไลโคปีนที่ช่วยเรื่องการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ
- กรดผลไม้ ช่วยเรื่องการปรับผิวให้กระจ่างใส
อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.konvy.com/ella-bache/ella-bache%27-the-original-tomato-cream-50ml-15693.html
จากที่พิกุลใช้มาเกือบ 2 สัปดาห์ ตอนนี้ยังไม่ได้รู้สึกว่าผิวขาว แบบขาวอลังการนะคะ พิกุลแค่รู้สึกว่าผิวกระจ่างใสขึ้น เห็นได้ชัดเจนเลย จนตอนนี้ต้องรีบทาคอด้วย กลัวว่าจะขาวไม่เท่ากัน555

ลองปาดครีมให้ชมกันเนอะ เนื้อครีมนี้ เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวผิวเลยค่ะ

อ่านรีวิวครีมกันไปแล้ว ลองมาอ่านอีกหนึ่งไอเท็มทีห้ามพลาด แนะนำให้ใช้ทั้งสองตัวคู่กันกันนะคะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ปกติแล้วพิกุลเป็นคนที่ไม่ค่อยใช้โทนเนอร์เลยค่ะ เรียกว่าโทนเนอร์ที่ใช้ในชีวิตนี้ ใช้มาแล้วยังไม่ถึง 2 ขวดเลย เหตุผลที่ช่วงนี้กลับมาใช้โทนเนอร์ด้วยเป็นเพราะว่า พิกุลไปอ่านเจอมาว่า นอกจากโทนเนอร์จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดแล้ว โทนเนอร์ยังช่วยเรื่องกระชับรูขุมขนและทำความสะอาดได้ดีกว่าน้ำประปาอีกด้วยค่ะ เนื่องจากโทนเนอร์เป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อจนสะอาดกว่าน้ำประปา เมื่อเรานำมาเช็ดจนผิวหน้าสะอาดหมดจดแล้ว เวลาเราบำรุงผิว การบำรุงนั้นก็จะมีประสิทธิภาพ พูดง่ายๆ ได้ว่าผิวเราจะสามารถดูดซึมสารสำคัญในขั้นตอนบำรุงได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ

Ella Bache’ Tomato Radiance Toner ปริมาณสุทธิ 200 ml. เป็นโทนเนอร์บำรุงผิวที่สกัดจากมะเขือเทศ และเห็ดขาวมีสรรพคุณเด่น 3 ประการค่ะ ได้แก่
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีสารสกัลจากมะเขือเทศอิตาลี
- PH Balance ปรับสมดุลให้ผิวหน้า เสริมสร้างผิวแข็งแรง พร้อมที่จะรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป
- ผิวเรียบเนียนกระจ่างใสและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

ส่วนประกอบหลักของ Ella Bache’ Tomato Radiance Toner จะมี 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่
- แลคติก โปรไบโอติกหรือที่เรียกว่า โปรไบโอสกิน
- ไลโคปีน
- สารสกัดจากเห็ดขาว
อ้างอิงข้อมูลจาก konvy

ปกติเพื่อนๆ ใช้โทนเนอร์ตอนไหนกันบ้างคะ สำหรับพิกุลจะใช้ช่วงเช้ากับช่วงเย็นค่ะ ช่วงเช้าไม่ใช้สำลี พิกุลเทโทนเนอร์ลงบนมือแล้วก็นวดวนๆ บนผิวหน้าเลยค่ะ ส่วนตอนเย็นพิกุลจะใช้โทนเนอร์คู่กับสำลีเช็ดให้ทั่วใบหน้าค่ะ

ถ้าใครมีขวดสเปรย์เล็กๆ พิกุลแนะนำให้แบ่งโทนเนอร์ใส่ขวดสเปรย์แล้วพกพาใส่กระเป๋าไว้ฉีดระหว่างวันนะคะ วิธีใช้ก็คล้ายๆ กับพวกสเปรย์น้ำแร่เลยค่ะ ฉีดเพื่อบำรุงทับเมคอัพได้ ช่วยเรื่องความสดชื่นระหว่างวันได้ด้วยค่ะ

ความรู้สึกหลังใช้สกินแคร์ของ Ella Bache’
ส่วนตัวที่พิกุลชอบนะคะ มีความรู้สึกว่า ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น พอเราใช้สองตัวคู่กัน ทั้งคู่ก็ทำงานร่วมกันได้ดี ล้างหน้าเสร็จ เช็ดโทนเนอร์เพื่อขจัดสิ่งตกค้างให้หมดจด แล้วก็ใช้ครีมบำรุงต่อ ครีมบำรุงก็บำรุงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ถ้าใครมองๆผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้อยู่แล้วยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะสอยตัวไหนดี พิกุลแนะนำให้ลองสองตัวนี้ก่อนเลยค่ะ ราคาอาจจะสูงสักหน่อย แต่ใช้ได้นานแน่นอนค่ะ ดูจากปริมาณแล้ว คุ้มค่ามากๆ ค่ะ

ท้ายบล็อกนี้พิกุลจะลงข้อมูลไว้ให้สำหรับผู้ที่สนใจนะคะ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูโปรโมชั่นของ Ella Bache ได้ที่เว็บ konvy.com ตามลิงก์นี้เลยค่ะ konvy หรือถ้าใครเข้าเว็บจะสั่งแล้วก็ยังงงๆ พิกุลแนะนำให้เข้าไปอ่านรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวที่ Facebook Ella Bache หรือ ellabacheนะคะ ในเว็บมีบทความภาษาไทยให้อ่านพอสมควรค่ะ
วันนี้พิกุลขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่บล็อกหน้านะคะ สวัสดีค่าาาา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น